Bigmove Club ข่าวสาร เทคนิคการลงทุน

  วันนี้แอดจะมาแนะนำกองทุนเปิดในตลาดอเมริกา กองทุนมีเยอะแยะเหลือเกิน แอดเลยขอเลือกมา 5 กองทุนตามความชอบส่วน ข้อดีคือผันผวนไม่สูงมาก ปันผลดี ค่าธรรมเนียมเป็นธรรม และไม่อิงโฆษณา 555+ ในฐานะแอดเป็นสายเทรด index ในประเทศและต่างประเทศทั้งกองทุนและ Future และสินค้าโภคภัณฑ์ ตามแอดมาเลย 1. K-USXNDQ-A(D) มีปันผลระดับสูงพอสมควรเลยครับ กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100 ชนิดจ่ายเงินปันผล รายละเอียดกองทุน Information Technology 59.25% Consumer Discretionary 21.07% Health Care 10.50% Consumer Staples 5.00% Industrials 2.23% ค่าธรรมเนียม 0.64 + รับซื้อคืน 0.15% = 0.8% กองนี้แอดว่า ค่าธรรมเนียมถูกใช้ได้เลย ปกติกองทุนต่างประเทศคิดค่าธรรมเนียมระดับ 3-5% กันเลยนะ สำหรับคนที่สนใจลงทุนใน NASDAQ100 ครับ เน้นเทคโนโลยีอเมริกาคาฟ ——————– 2. K-USA (เปรียบกับ S&P500) กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน จ่ายเงินปันผล (% NAV) Consumer Discretionary 34.32% Information Technology 26.32% Industrials 18.09% Financials 8.59% Health Care 5.31% Amazon.com  Inc 8.45% Alphabet Inc 5.70% Union Pacific Corp 5.19% Berksh

  จะเล่นกองทุนน้ำมัน ต้องดูอะไรบ้าง วันนี้แอดจะมาสรุปให้ฟังแบบละเอียดสุดๆ สำหรับคนที่มือใหม่มากๆต้องเข้าใจก่อน ตลาดน้ำมันไม่มี index ของตลาดน้ำมันเอง ดังนั้นจึงมีกองทุนต่างประเทศที่เขาออกแบบการซื้อขาย Future น้ำมันเพื่อให้มีความใกล้เคียงกับ index น้ำมันมากที่สุด ซึ่งกองทุนน้ำมันในไทย เขาก็ไปลงทุนใน Fund ประเภทนี้ ดังนั้นมือใหม่ต้องเข้าใจก่อนว่า กองทุนพวกนี้ออกแบบมาเพื่อให้วิ่งใกล้เคียงกับตลาดที่สุด ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อชนะตลาดนะ เดี๊ยวแอดจะแยกเป็นข้อๆดีกว่าจะได้อ่านง่าย สิ่งที่เราต้องดู ———————– 1. กองทุนไทยเขาไปลงทุนในกองทุนอะไรในต่างประเทศ เข้าไปหาใน wealthmagic ได้เลย –> หากองทุนน้ำมัน–> ข้อมูลสำคัญการลงทุน ในที่นี้แอดขอเลือก PowerShares DB oil Fund กองนี้ถือเป็นกองที่มีผลงานใกล้เคียงกับตลาดมากที่สุดกองนึง 2. ค่าธรรมเนียม ในตัวอย่างจะให้ดู Scb-Oil(K-Oil ใกล้ๆกัน) และTMB oil จะเห็นว่ามีค่าธรรมเนียมสองตัว ตัวแรก %Nav หรือง่ายๆคือค่าธรรมเนียมรายปี Scb=0.57% เทียบกับ Tmb=1.44% แต่อย่าเพิ่งตัดสินใจ ให้ดูค่าธรรมเนียมส่วนที่สองด้วยคือ Scb เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 0.53% ดังนั้น ถ

  Ray Dalio ผู้ก่อตั้งกองทุนที่ใหญ่ที่ สุดในโลกมีคำแนะนำมาฝาก คำแนะนำผมมีสองข้อ 1. นักลงทุนต้องรู้จักการจัดพอ ร์ตที่เหมาะสม เพื่อที่นักลงทุนเองจะได้ไม ่ต้องเครียดตลอดกับตลาดที่ม ันขึ้นๆลงๆ 2. อย่าคิดว่า หุ้นที่ดีมาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาจะดีไปเรื่อยๆ แทนที่จะซื้อหุ้นแพงๆที่ตาม เทรน ให้คิดถึงการปรับพอร์ต ขายหุ้นที่แพงและมาเลือกตัว ที่ถูก ผมเองคิดว่าประสบการณ์ในชีว ิตจริงเป็นครูที่ดีที่สุดเม ื่อเทียบกับห้องเรีย น โดยค่อยๆเรียนรู้เล็กๆน้อย ค่อยๆสะสมประสบการณ์ของคุณไ ปเรื่อยๆ เมื่อผมมองย้อนกลับไปในชีวิ ต ความสำเร็จของผม สิ่งที่เป็นต้นตอของความสุข ของผมคือความสัมพันธ์อันยอด เยี่ยมที่ผมมี ดังนั้นผมจึงอยากแนะนำนักเร ียนในมหาลัยว่า สังสรรค์ให้สุดเหวี่ยง อย่าให้ความสำคัญในเรื่องกา รเรียนอย่างเดียว สร้างมิตรภาพและประสบการณ์ไ ปพร้อมๆกันด้วย https://www.cnbc.com/2018/ 05/31/ billionaire-dalio-shares-hi s-most-important-investing -tips-life-advice.html?__s ource=Facebook%7Cmain

  TOP กระแสเงินสดเยอะ แต่ก็มีความเสี่ยงในอนาคตอีกไม่น้อย [สรุป VDO ก่อน]กำลังการผลิตอิหร่านและเวเนซูเอร่าน้อยมาก แต่ที่น้ำมันขึ้นลงเยอะๆ เพราะจิตวิทยา จริงๆ OPEC คิดว่าไม่น่าเพิ่มกำลังผลิต เพราะจริงๆเรื่องอิหร่านมีผลน้อยมาก คาดเดาน้ำมันน่าจะอยู่แถว 70 ใน Q2-3 การใช้น้ำมันเติบโต 4-6% ในไทยและเอเชีย ความต้องการใช้น้ำมันยังดีเหมือนเดิม อันนี้จริงเลย เพราะข้อมูล Future ตลาดน้ำมันก็บอกแบบนั้นอันนี้ แอดดูข้อมูลตลอด Q3 มันก็จะน้อยๆหน่อยเพราะเป็นหน้าฝน ทุกวันนี้โรงกลั่นในเอเชียใช้ ca pacity 90% แสดงว่าถ้ามีโรงงานไหนปิด ค่าการกลั่นจะพุ่งเลย Top มีเงินสดเยอะ แต่อย่าลืมนะ Top มีแผนการลงทุนหนักๆอยู่ เป็นวงจรการลงทุนของธุรกิจ แต่ฟังแล้ว แผนในระยะยาวดูน่าหวั่นใจเหมือนกัน เพราะคนให้สัมภาษณ์มองโลกค่อนข้างดีในตลาดนี้มาก ในเรื่องของ EV ที่อาจจะมา disrupt มองแค่จะเปลี่ยนเพียงแค่ 15% โดยมองการเติบโตน้ำมันต่อเนื่อง 10 ปีอีก และยังบอกว่าถ้าเกิด EV เข้ามาจริงก็พร้อมจะแข่งขันในตลาดเดิมต่อไป และวางแผนลงทุนปิโตร โดยตั้ง Diversify ธุรกิจเพียงแค่ 15-20% ระยะสั้น Top น่าจะยังดูดีอยู่พอสมควรจากการบริหาร แต่ฟังแผนลง

คู่หูนี้ดูไปก็แอบยิ้มมุมปากตลอด คลิปนี้อธิบาย 2-10 Y Spread ได้ง่ายดีครับ สัญญาณเตือนวิกฤต แอดขอเพิ่มอีกนิด ก่อนเกิดวิกฤตอาจจะกินเวลาเป็นปีได้หรือนานกว่านั้นได้ ถ้าไม่ได้เกิดเหตุร้ายทางโลกการเงินขึ้นในมุมใดมุมนึงของโลก เพียงแต่นี้เป็นแค่สัญญาณบ่งบอกว่า สภาพคล่องในตลาดโลกตึงเท่านั้น และรูปนี้เป็นประวัติศาสตร์โดยอิงจาก FED เป็นหลัก แต่ปัจจุบัน Balance sheet ของธนาคารที่อัดฉีดในระบบอย่าง ECB กับ BOJ ถือว่าใหญ่ไม่แพ้ FED เหมือนกัน ดังนั้นในอนาคตสัญญาณเท่านี้อาจไม่เพียงพอต่อการประมาณการณ์ Crisis ในอนาคตนะครับ ตามไปดูกันครับ ตามลิงก์

  ปู่จะอธิบายให้ฟังนะ ทำไมปู่ถึงไม่ฟังนักเศรษฐศาสตร์  🤔  มีนักเศรษศาสตร์อัจฉริยะมากมาย บอกปู่มาสักคนสิ ว่ามีใครบ้างที่ร่ำรวยจากการลงทุนหุ้น ปู่จะเล่าให้ฟัง มีคนนึงชื่อ John Maynard ที่ขาดทุนค่าเงินอย่างหนักเลยในช่วงปี 1920-1930 แล้วก็มาเจ๊งต่อในตลาดหุ้น จากการใช้ทฤษฎีพยากรณ์วงจรเครดิต แต่หลังจากนั้นนายคนนี้ก็ได้กำไรมากขึ้นจากการเริ่มลงทุนแบบเน้นคุณค่า และถือยาวมากขึ้น ถ้าดูจากประวัติศาสตร์ของนักเศรษฐศาตร์หลายๆคนแล้ว ไม่ได้ทำเงินได้ดีเลย แต่คนก็ยังฟังคนเหล่านี้อยู่เรื่อยๆ ปู่รู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ https://www.cnbc.com/…/warren-buffett-explains-why-he-never…